เอกลักษณ์ของท้องถิ่น อัตลักษณ์ของตัวเรา

Who Am I?

ผมจำได้ ว่ากลางปี 2511 ผมได้กลับมาเยี่ยมบ้าน จ.นครศรีธรรมราช หลังจากไป เรียนที่เยอรมันได้ 5 ปี

ค่ำวันหนึ่งที่อำเภอทุ่งสง ไม่ไกลจากบ้านน้าชายที่ผมไปพัก มีคนจัดงานบุญแล้วจ้างหนังตะลุง มาเล่นเพื่อความบันเทิง..

แค่เสียงกลอง โหม่ง กรับ อันเป็นเอกลักษณ์ของดนตรีตะลุง ผมยืนฟัง ด้วยน้ำตาคลอเบ้า

รู้สึกถึงแรงสะเทือนในหัวใจ บอกกับตนเองนี่คือบ้านของเรา แผ่นดินของเรา

Sense of Belonging เป็นความผูกพัน ให้ความอบอุ่นหัวใจ ให้ความหมายกับชีวิต แต่น้อยคนจะ เข้าใจ เข้าถึงแล้วเอามาพัฒนาให้เป็นมรดกสืบต่อไป 

ผมตระหนักชัดเรื่องคุณค่าของประวัติศาสตร์ รัก เคารพต่อประวัติศาสตร์ทุกท้องถิ่นไทย เพราะนี่ คือ สยามคือบ้านของเรา ฝรั่งหลายคนที่ได้เกิดที่สยาม ถือว่า สยามคือบ้านของเขาด้วย

เกอเธ่ กล่าว“ สิ่งที่ล้ำค้าอันได้มาจากประวัติศาสตร์ คือ ความฮึกเหิมที่ปลุกเร้าใจ เรา

มันจะนำไปสู่ spiritual connection (ความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณ) 

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราควรภาวนาก่อนทำงานใหญ่ เสมือนเราทำการภาวนาก่อนเข้าสงคราม 

แต่เป็นสงครามกับความเขลา ขาดพลังปัญญา ขาดพลังความเพียร และไม่กล้าก้าวข้าม ขอบเขตเดิม

ภาวนา อย่างจริงใจ จะทำให้เราใจกว้าง รับความแตกต่างหลากหลายได้ หมด ดังมหาสมุทร นั่นเอง

ทำไมต้องภาวนาก่อนทำงานใหญ่ เสมือนเราทำการภาวนาก่อนเข้าสงคราม 

 

การภาวนา หรือ ตั้งจิตอธิษฐาน ก่อนทำการประชุมสำคัญๆ เป็นพิธีกรรมสำคัญเสมอ สำหรับผม  เหมือน ทีมรักบี้ All Black ของ นิวซีแลนด์ ก่อนแข่งทุกครั้งจะเต้น Hakka 

2/3 นาที ทั้งข่มขวัญ ตัดไม้ข่มนามคู่ต่อสู้อย่างให้เกียรติ และ ปลุกใจทีมให้ฮึกเหิม  เหมือนอินเดียนแดง จะเต้นรำตีกลองเป็นวงกลม ก่อนออกศึก

ผมทำมันจนอยู่ในเนื้อในตัว เป็นการภาวนา ชีวิต 4 ระดับ 4 มิติแบบเต๋า

Personal Life ,Family Life ,Public Life and Spiritual Life  

ทุกๆ สานพลังวงใหญ่ สำหรับผม คือ การบูรณาการพลังชีวิต เอกลักษณ์ตน( personal life) เข้ากับ public life (อันนี้น้องเติมให้อาจารย์ พี่ไม่เห็น) เพื่อรับใช้สังคมและแผ่นดินสยาม 

แน่นอน มันเป็น ปลุกเร้าวิญญาณของ ตัวเอง วิญญาณเพื่อนพ้องน้องพี่ ให้เชื่อม (connect) กับ วิญญาณบรรพชน

 

การใคร่ครวญ และจิตวิญญานบรรพชน 

การใคร่ครวญ และจิตวิญญานบรรพชน จิตวิญญาณ

Contemplative Education หรือจิตปัญญาศึกษาสำหรับผม เป็นเรื่องค้นคว้า โลกแห่งประสบการณ์ subjective experience or personal experience

เมื่อใคร่ครวญลึกๆ และสังเกตความรู้สึกในหัวใจ ในกาย มันมีความรู้สึกอบอุ่น ทำให้ล้วงลึกสนทนากับตนเอง ว่า เมื่อเราตระหนักในหัวใจ ว่าแม่ทำอะไรให้เรา ท่านอาจารย์ปรีดี (พนมยงค์เมตตาให้เกียรติผม และ Christian (เพื่อนสนิทชาวเยอรมันแนะนำผมให้ ไปเรียนและพัฒนา การเป็น facilitator ทำให้แจ่มชัดว่า ตัวตนและพัฒนาการของคนชื่อชัยวัฒน์” อันมี เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ เฉพาะตนนั้น มีสายใย สนับสนุนจากผู้อื่นด้วย มิใช่เราเก่งด้วยตนเอง 

นึกขึ้นได้ ว่า การที่เรามี Identity คือ มี ความผูกพันแนบแน่น ทั้งต่อผู้คนที่อยู่รอบตัว และในชุมชนเดียวกัน แล้ว  

ความผูกพันต่อบรรพชนที่ล่วงลับทำให้เราเกิดสำนึกรู้คุณ มีกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ จะทำให้เรามีจิตใจอ่อนโยนและมีความอบอุ่นใจเมื่อระลึกถึงท่าน อย่างผมกับ แม่พ่อ ผมกับท่านอาจารย์ปรีดี ผมกับ Christian เป็นต้น 

Identity ความลึกซึ้งของกำลังข้างในตัวเรา 

Identity ความลึกซึ้งของกำลังข้างในตัวเรา 

ประสบการณ์ส่วนตัว เดินทางภายในของผม อันมาจากการพบเห็นทิวทัศน์เรื่องราวภายนอก มี การบอกเล่า กล่าวถึง ทำให้ผม dwelling (ตำรงอยู่) ภายใน และ transformed (แปรเปลี่ยน) ตนเอง ดังคำคมของมาร์เซล พรูส์ Marcel Proust “สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินทางท่องเที่ยว   มิใช่การได้เห็นทิวทัศน์ใหม่ .. แต่ได้มีดวงตาใหม่

ใช่เลยดวงตาใหม่ของผม เกิดและสร้างพลังภายในเมื่อไปทัศนศึกษาที่อุทยานสุโขทัย กว่าสิบปีก่อน

การไปทัศนศึกษาที่อุทยานสุโขทัยครั้งนั้น สร้างรอยประทับในดวงจิตของผมมิรู้ลืมถึงวันนี้

มันปลุกเร้าพลังให้ผม มุ่งมั่นตั้งใจที่จะรักษา ส่งต่อ Legacy ของบรรพชน  การ resonance ภายในนี้ ทำให้ ผมเป็นตื่นตัว กระปรี้กระเปร่ามี vitality ได้ถึงวันนี้

มันก่อพลังบางอย่างในตัวผมทึ่อยากพิทักษ์รักษาและพัฒนา มรดกแห่งบรรพบุรุษ

มันปลุกเร้าพลังให้ผม มุ่งมั่นตั้งใจที่จะรักษา ส่งต่อ Legacy ของบรรพชน  การ resonance ภายในนี้ ทำให้ ผมเป็นตื่นตัว กระปรี้กระเปร่ามี vitality ได้ถึงวันนี้

เรายิ่งรู้สึกผูกพันเคารพนบนอบต่อบรรพชน  ควรรักษามรดกอันเป็น อัตลักษณ์ไทยไว้ให้ยั่งยืน เป็นขวัญ เป็นกำลังใจ และความหวัง  ในยามที่จิตใจไหวหวั่น

ความรัก ผูกพัน กตัญญูและเคารพนบนอบ มรดกต่างๆ อันมีพลังจิต พลังใจ พลังกาย สรรค์สร้างสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม ศิลปะ ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้  ด้วยความขอบคุณ อย่างจริงใจ

กลายเป็น มรดกของเมืองไทย ทำให้แผ่นดิน ถิ่นฐานของบ้านเมืองน่าเที่ยว มีรายได้กลับมา ท้องถิ่น ชุมชน

ขอให้มองลึกลงไปในพลังของ mindsets หรือmental models ของความสัมพันธ์ ระหว่างชีวิตเราวันนี้ กับ อดีตทึ่ผ่านมา 

สังเวชนียสถาน เตือนจิต เตือนใจให้เราอยู่กับปัจจุบันได้  โดยไม่หวั่นไหวกับอนาคต

บรรพชนสอนเรา โดยผ่านงานสรรค์สร้างเหล่านี้ เพราะมีวิญญาณและเลือดเนื้อของท่านบรรจุในอิฐปูน และศิลา

บันทึกของอาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ 

กันยายน 2567